‘โบลท์’ ชี้ ไทยติดอันดับความแออัดระดับโลก โอกาสทองในบริการเรียกรถ เผย ปัจจุบันยังใช้บริการน้อยไม่ถึง 10% ของทั้งหมด
นายณัฐดนย์ สุขสิริธารานันท์ ผู้จัดการทั่วไป โบลท์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากผลกระทบที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาเมืองในลักษณะที่เน้นการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรที่หนาแน่น โครงสร้างพื้นฐานด้านที่จอดรถที่ไม่เพียงพอ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในเมืองที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
“ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญจากจำนวนรถจดทะเบียนกว่า 20ล้านคัน และดัชนีความแออัดระดับสูงติดอันดับโลก จึงจำเป็นต้องกลับมาทบทวนว่าการเดินทางควรเป็นอย่างไรในอนาคต Ride-hailing จะมีบทบาทสำคัญในการทำให้เมืองมีประสิทธิภาพมากขึ้น หายใจสะดวกขึ้น และเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับผู้คนอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ โบลท์กำลังมีบทบาทในการลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคล โดยนำเสนอบริการที่ยืดหยุ่น ขยายตัวได้ และเข้าถึงได้ง่าย พร้อมด้วยเครือข่ายคนขับที่แข็งแกร่งซึ่งให้บริการครอบคลุมกว่า 35 เมืองทั่วประเทศ และจะเพิ่มเป็น 50 เมืองภายในสิ้นปี จากเงินลงทุนปีนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 300 ล้านบาท เพิ่มเป็น 600 ล้านบาท
ขณะเดียวกันจะเห็นว่ามีคนขับเข้ามาร่วมให้บริการเยอะขึ้น ทั้งคนไทยที่ตกงาน รวมทั้งคนไทยที่อยากมีอาชีพเสริมหลังเลิกงานมากขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่วนคู่แข่งรายใหม่ๆเองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเช่นกันโดยเฉพาะในท้องถิ่น เนื่องจากมองว่าบริการดังกล่างยังมีช่องว่างและโอกาสอีกมากเพราะปัจจุบันคนไทยรับรู้และยังใช้บริการได้ไม่ถึง 10% ของประชากรทั่วประเทศ ซึ่งยังถือว่าน้อยมากหากเทียบกับในยุโรปที่ใข้บริการกว่า 50% ของประชากร โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวอย่างภาคใต้ที่มีเติบโตค่อนข้างสูง
ด้าน Afzan Lutfi ผู้จัดการทั่วไป โบลท์ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ความสำคัญของมอเตอร์ไซค์และรถขนาดเล็กในการเข้าถึงชุมชนที่ระบบขนส่งยังเข้าไม่ถึง และการแก้ไขปัญหาในช่วงการเดินทางระยะสุดท้าย ซึ่งบริการ ride-hailing ไม่ได้เป็นแค่บริการเรียกรถเท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ที่เรากำลังร่วมกันสร้าง โบลท์มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับผู้นำเมือง หน่วยงานกำกับดูแล และประชาชน เพื่อสร้างอนาคตของระบบขนส่งที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ในทุกประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะที่เมืองต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเผชฺิญกับความต้องการด้านการเดินทางที่เพิ่มขึ้น การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงนวัตกรรมจากภาคเอกชนร่วมกับความต้องการจากภาครัฐ ผู้นำทางอุตสาหกรรมต่างเปิดเผยว่า ride-hailing จำเป็นต้องพัฒนาไปมากกว่าความสะดวกสบาย โดยมุ่งไปสู่ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้มากขึ้น ด้วยข้อมูลเชิงลึกและและแรงผลักดันร่วมกัน ภูมิภาคนี้จึงพร้อมที่จะเปลี่ยนโฉมการเดินทางในเมืองสำหรับคนรุ่นต่อไป
© ไทยนิวส์เอ็กซ์เพรส