ค้นหาอย่างรวดเร็ว
วันนี้:

ก.อุตฯ ปลุกใจ! อีกรอบดึงชาวไร่สวมบทฮีโร่ปราบฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ตัดอ้อยสดรับเงินเพิ่ม 120 บาท

Oct 31, 2024 การผลิต IDOPRESS

"ดร.ณัฐพล" นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รับนโยบาย "รมต.เอกนัฏ” เคาะมาตรการช่วยเหลือตัดอ้อยสด ลดฝุ่น PM 2.5 จ่าย 120 บาท สร้างมูลค่าใบอ้อย ดันอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสู่ Zero wastes เพิ่มรายได้กลุ่มชาวไร่อ้อยรักษ์โลก

หลังจาก นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ได้มอบนโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรม” สร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งเกษตรกรชาวไร่อ้อยต้องผลิตและนำส่งอ้อยสดคุณภาพดีให้กับโรงงานน้ำตาล และโรงงานน้ำตาลจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพให้ได้ปริมาณน้ำตาลตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้เกิดรายได้และสร้างมูลค่าให้กับระบบมากที่สุด

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เปิดประชุมคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ครั้งที่ 5 ในปี 2567 ได้ข้อสรุปว่า สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้เสนอมาตรการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 โดยที่ประชุม กอน. มีมติเห็นชอบตามที่ สอน. เสนอ โดยมีมาตรการสำคัญ 2 มาตรการ ได้แก่ มาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา และมาตรการเพิ่มรายได้จากใบและยอดอ้อย การให้เงินสนับสนุนการรับซื้อใบและยอดอ้อย เพื่อเป็นวัตถุดิบด้านพลังงานป้อนโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวล เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเห็นคุณค่าและประโยชน์ของใบและยอดอ้อยช่วยลดการเผาอ้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมทั้งยกระดับผลผลิตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่

ทั้งนี้ในส่วนของมาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% เป็นมาตรการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยจะมีการจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย ในอัตรา 69 บาทต่อตัน สำหรับมาตรการเพิ่มรายได้จากใบและยอดอ้อยเป็นมาตรการใหม่ โดยจะเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อยอีกตันละ 300 บาท จากราคาตลาดปัจจุบันที่มีการรับซื้ออยู่ที่ตันละ 900 บาท สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้เก็บเกี่ยวอ้อยสดที่มีการขายใบและยอดอ้อยได้อีก 51 บาทต่อตันอ้อย รวมเป็น 120 บาทต่อตันอ้อย โดยนโยบายดังกล่าวจะเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำให้ใบและยอดอ้อยมีมูลค่าเพิ่มและถูกนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกวิธี ขณะเดียวกันจะเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยยกระดับการดูแล รักษาคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นการลดฝุ่น PM 2.5 และร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมในการก้าวสู่การเป็น Zero Wastes

จากข้อมูลการรวบรวมปริมาณใบและยอดอ้อยต่อขนาดพื้นที่ 1 ไร่ ผลผลิตอ้อยเฉลี่ย 10 ตัน จะสามารถรวบรวมใบและยอดอ้อยเพื่อขายได้ 1.7 ตัน ชาวไร่อ้อยที่เป็นผู้รับขาย และผู้ประกอบการโรงงานผลิตไฟฟ้าชีวมวลที่เป็นผู้รับซื้อ โดยการเพิ่มราคาขายแก่ชาวไร่อ้อยในอัตราตันละ 200 บาท และเพิ่มให้แก่ผู้รับซื้อในอัตราตันละ 100 บาท โดยชาวไร่อ้อยจะยังคงมีรายได้เพิ่มในส่วนนี้อีก 34 บาทต่อตันอ้อย เพื่อเป็นการกระตุ้นกลไกตลาดให้ขับเคลื่อนโดยเร็ว และยังเป็นการเพิ่มราคารับซื้อใบและยอดอ้อยอีกทางหนึ่ง โดยคาดว่านโยบายดังกล่าวนอกจากจะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรชาวไร่อ้อยจากการเพิ่มรายได้จากซากวัตถุดิบทางการเกษตรแล้ว ยังเป็นการนำร่องให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายเป็นเกษตรอุตสาหกรรมที่ไม่สร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากฝุ่น PM 2.5 บนพื้นฐานของความยั่งยืนอีกด้วย

“กระทรวงอุตสาหกรรม จะออกนโยบายเพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลเพิ่มเติมทั้งในรูปแบบที่เป็นมาตรการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร (In Kind) และในรูปแบบเงินช่วยเหลือ (In Cash) เพื่อสนับสนุนชาวไร่อ้อยที่เก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีส่งโรงงานให้มีรายได้เพิ่มและเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพื่อเก็บเกี่ยวอ้อยสดสำหรับฤดูการผลิตปี 2567/2568 ต่อไป” ปลัดฯ ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

ค้นหาอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายกิจการอย่างเป็นทางการเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้สำหรับข่าวระดับภูมิภาคล่าสุด ข้อมูลอัปเดตขององค์กร และประกาศอย่างเป็นทางการ โดยให้การรายงานที่เป็นกลางและข้อมูลเชิงลึกในกิจการขององค์กร

© ไทยนิวส์เอ็กซ์เพรส