จะมาเป็นกะเทยเหมือนกันไม่ได้ เป็นวลีที่ถูกหยิบยกมาใช้อีกครั้ง หลังคำนำหน้าชื่อในสลิปการโอนเงินแสดงชื่อ คุณ ตรีชฎา เพชรรัตน์ โอนเงินให้ นายธัญญรัศม์ จิตประภาจิณ ที่ทั้งสองต่างเป็นอดีตมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส และยังเป็นขวัญใจของชาว LGBTQ+
คำถามเกิดขึ้นทันทีว่า ทำไมคำนำหน้าชื่อของ ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์ ใช้คำว่า ‘คุณ’ ต่างกันกับของ ฟิล์ม-ธัญญรัศม์ จิตประภาจิณ ที่ใช้คำว่า ‘นาย’
แม้ต่อมาไม่นานหลังจากที่มีการตั้งคำถาม มีชาวโซเชียลหลายคนสอบถามถึงขั้นตอนการเปลี่ยนคำนำหน้านามบ้าง และทางธนาคารได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านคอมเมนต์ว่า
“สำหรับกรณีการใช้คำนำหน้าชื่อบัญชีที่ท่านสอบถามเข้ามานั้น ทางธนาคารจะยึดตามเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ และการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อบนสลิป ไม่สามารถทำได้ค่ะ การเลือกใช้คำนำหน้าชื่อ ทางธนาคารจะยึดตามเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นจากสื่อ Social ทางธนาคารจะมีการชี้แจงต่อไปค่ะ”
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ราวกับเป็นเรื่องบังเอิญ กรณีคำนำหน้าไม่ได้เป็นดราม่าแค่ในโซเชียล เพราะที่ประชุมสภาฯ ได้ทำการคว่ำร่าง พ.ร.บ.รับรองเพศฯ พรรคก้าวไกล ที่มีรายละเอียดเรื่องคำนำหน้าชื่อ ไปสดๆ ร้อนๆ โดยพรรคร่วมรัฐบาลอภิปรายไม่เห็นด้วย อีกทั้งยังอธิบายว่าสังคมไทยเปิดกว้างคำว่ากะเทยไม่ใช่คำบูลลี่อีกต่อไป ให้ภูมิใจกับเพศตัวเอง
คำถามต่อมาคือ แล้วเมื่อไรคนไทยจะสามารถเลือกคำนำหน้าชื่อตัวเอง และคำนำหน้าชื่อของเรายังจำเป็นอยู่หรือไม่
ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ พ.ศ. .... มี ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ
ธัญวัจน์ ผู้เสนอร่างกล่าวว่ากฎหมายในประเทศไทยปัจจุบันยังเป็นระบบสองเพศ จึงทำให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่สามารถดำเนินชีวิตตามเจตจำนงอัตลักษณ์ทางเพศได้ ในกรณีดังกล่าว ธนาคารจึงแจ้งและยืนยันเรื่องการใช้คำนำหน้าตามบัตรประชาชน ซึ่งไม่เป็นไปตามอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลข้ามเพศ เรื่องเพศจึงยังถูกกำหนดโดยระบบเดิม
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การรับรองเพศ คำนำหน้านามฯ ในวาระแรก ซึ่งผลการพิจารณาที่ประชุมลงมติไม่เห็นด้วย 256 ต่อ 152 ถือว่าที่ประชุมไม่รับหลักการ ทั้งนี้ในการอภิปรายร่างกฎหมายฉบับนี้ สส.พรรคร่วมรัฐบาล อภิปรายไม่เห็นด้วย
ธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายว่า การออกกฎหมายใด ต้องเป็นไปตามการพัฒนาของสังคมและสอดคล้องกับบริบทของสังคม หากกฎหมายใดสุดโต่งเกิน เกินกว่าความต้องการของสังคม กฎหมายนั้นไม่ได้สร้างประโยชน์ แต่จะสร้างปัญหาสังคมตามมา
ธีระชัย สนับสนุนการตั้งกรรมาธิการวิสามัญสมรสเท่าเทียม เพื่อให้ใช้สิทธิเสรีภาพและรับรองการสมรสของคู่สมรสและเพศเดียวกัน และคิดเสมอว่าคนในโลกนี้ต่างมีความรักและไม่ควรถูกปิดกั้น หรือถูกจำกัดเพียงคำนำหน้านาม
คำนำหน้าชื่อทั้งนาย นาง นางสาว เป็นการแบ่งเพศตามสภาพตั้งแต่กำเนิด มีความห่วงใยและความกังวลกับการเปลี่ยนได้ตามสมัครใจ เพราะในต่างประเทศสามารถให้เปลี่ยนคำนำหน้าได้ แต่มีเกณฑ์มีเงื่อนไขที่ยากง่ายแตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่ว่าเป็นเพศไหนทุกคนมีสิทธิได้เลือกความเป็นตัวเอง หากไม่สะดวกที่จะต้องใช้คำนำหน้าที่ไม่ตรงกับเพศสภาพปัจจุบัน ความมีสิทธิเลือกไม่ใส่คำนำหน้าก็ได้ ใส่เพียงชื่อ เพื่อควาทเสมอภาคและเท่าเทียม
ธีระชัย กล่าวถึงปัญหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้นตามมาถ้ากฎหมายนี้ผ่านทั้งความเท่าเทียม และความเสมอภาค เช่น ระบบนายจ้างลูกจ้าง ความสับสนของราชการ พื้นฐานของข้อมูลบุคคล ปัญหาที่อาจจะเกิดต่อตัวเด็ก หรือเปลี่ยนคำนำหน้านามเพื่อหลอกทรัพย์ จะทำอย่างไรนี่คือข้อกังวล
ธีระชัย ยังยกตัวอย่างคุกที่มีเกณฑ์แบ่งแยกนักโทษเป็นเพศชายและเพศหญิง ถ้านักโทษให้ทางเลือกได้กระทำผิดซึ่งมีจิตใจที่ไม่ตรงกับเพศสภาพและเข้าไปอยู่ในเรือนจำจะต้องอยู่ร่วมกับผู้ต้องขังชายหรือหญิง ดังนั้นถ้ากฎหมายนี้ผ่านต้องใช้งบประมาณในการจัดการเปลี่ยนแดน เป็น หญิง ชายและอีกต่างๆ ปัญหาคืออย่างนี้จะแยกผู้ต้องขังอย่างไร
ไม่อยากมองว่าแค่คำนำหน้านามเป็นกรอบกำหนดต่างๆ ในชีวิต เพราะไม่ว่าจะเป็นนาย นาง นางสาว คือมนุษย์เสมอภาคกันทุกคน คือคนเหมือนกัน แต่หากจะทำกันจริงๆ ขอให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ เชื่อว่าถ้าคนรักกันจริงเรื่องคำนำหน้านามไม่จำเป็น
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การที่จะภาคภูมิใจหรือไม่ภาคภูมิใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับใช้คำนำหน้าว่าอะไร แต่มีสาเหตุมาจากหลายอย่าง และไม่ใช่พอเปลี่ยนคำนำหน้านามแล้วจะแฮปปี้ทันที แต่ความภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง หรือ LGBTQ+ สามารถภาคภูมิใจได้
ทั้งนี้ อนุสรณ์ได้ กล่าวถึงเพลง ‘กะเทยประท้วง’’ ของ ปอยฝ้าย มาลัยพร กลางสภาฯ พร้อมระบุว่าวันนี้คำว่ากะเทย ไม่ใช่สิ่งที่จะไปบูลลี่ ไม่ใช่คำที่ฟังแล้วถูกประณาม ตอนนี้สังคมไทยเปิดกว้างและเปิดรับกับคำหลากหลายทางเพศ
“เราจะเป็นเป็นชายจริง หญิงแท้ หรือ LGBTQ+ เราก็ควรจะภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น มีงานเทศกาลที่เรียกว่างานไพรด์ ‘ไพรด์’ ที่แปลว่าภูมิใจ ก็ไหนว่าเราภาคภูมิใจในการเป็น LGBTQ+ และเราจะไปเปลี่ยนจากสภาพ LGBTQ+ ไปเป็นนาย ไปเป็นนางสาว เท่ากับแบบนั้นเราไม่ได้ ไพรด์ ไม่ได้ภูมิใจกับเพศสภาพกับสถานะที่เราเป็นหรือเปล่า เราจะเป็นนาย นางสาว เราก็สร้างคุณค่าแห่งความภาคภูมิใจด้วยตัวของเราเองได้”
อนุสรณ์ เชื่อมั่นว่าจะใช้คำนำหน้าว่าอย่างไรก็ภาคภูมิใจได้ และก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นเคารพ ควรเคารพผู้อื่นก่อน ก่อนที่จะเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับตัวเอง หันไปมองรอบด้านเสียก่อนว่า สิทธิที่เรียกร้องนั้นได้ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นหรือไม่ และต้องระมัดระวังผลกระทบ ที่ตามมาหากเปลี่ยนคำนำหน้านาม จะกลายเป็นไม่รู้จักชายไม่รู้จักหญิง ไม่รู้จัก LGBTQ+
อย่างไรก็ตามนอกจากร่าง พ.ร.บ.รับรองเพศฯ ซึ่งเสนอโดยพรรคก้าวไกลแล้ว ยังมีร่างกฎหมายอีก 2 ฉบับ ที่มีหลักคล้ายกัน แต่ยังไม่ได้เสนอเข้าสู่สภาฯ คือ
การที่ ร่าง พ.ร.บ.รับรองเพศฯ ถูกคว่ำ อาจสะท้อนสภาฯ ได้ 2 ประการ ไม่ว่าจะเป็น ทิศทางในอนาคตต่อการได้เลือกคำนำหน้าชื่อด้วยตัวเองนั้นริบหรี่ และร่างกฎหมายเปลี่ยนคำนำหน้าฉบับอื่นที่จ่อเข้าสภาฯ อาจจะไม่ผ่าน เนื่องจากการอภิปรายของพรรคร่วมรัฐบาลแสดงความไม่เห็นด้วย ที่สังคมไทยจะเปลี่ยนจากเดิม เปลี่ยนให้สามารถเลือกคำนำหน้าชื่อได้เอง
อีกทั้งเรื่องการเมืองในสภาฯ เพราะการไม่ให้ผ่านครั้งนี้เป็นเพราะการเลือกคำนำหน้านามในสังคมไทยยังเป็นเรื่องไม่เหมาะสม หรือเป็นเพียงการพยายามสกัดไม่ให้กฎหมายของพรรคก้าวไกลผ่านสภาฯ ได้สักฉบับ
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาดูสภาฯ หากร่างกฎหมายรับรองทางเพศฯ มีการเสนอเข้ามาจากกลุ่มอื่นสภาฯ จะรับหลักการหรือไม่ และร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมเท่าเทียม ที่มีการผ่านวาระแรกไปที่เรียบร้อยแล้วสุดท้าย สภาฯ จะให้ผ่าน หรือจะเป็นเช่นเดียวกับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่พรรคร่วมรัฐบาลจะมองว่าการภูมิใจในตัวเองในเรื่องเพศที่เป็นนั้นดีและเหมาะสมกว่าการมีกฎหมาย
© ไทยนิวส์เอ็กซ์เพรส